วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558
พระพุทธองค์ตรัสว่า การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นลาภอันประเสริฐ เพราะเป็นของยากยิ่ง
พระพุทธองค์ตรัสว่า การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นลาภอันประเสริฐ เพราะเป็นของยากยิ่ง
พระอานนท์ทูลถามพระพุทธองค์ว่า สัตว์โลก (ทุกชีวิตที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่) เมื่อตายแล้วไปเกิดในที่ไหนกันบ้าง พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่กลับมาเกิดในสุคติภูมิ (มนุษยโลก 1 เทวโลก 6 ชั้น พรหมโลก 20 ชั้น) เปรียบได้กับ เขาโค ที่เกิดในทุคติภูมิหรืออบายภูมิ (นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน) เปรียบได้กับ ขนโค จะเห็นว่าวัวตัวหนึ่งมีเขา 2 เขา มีขนนับไม่ถ้วน แต่สุคติภูมิมีถึง 27 ที่ เหตุใดสัตว์โลกจึงมาเกิดกันน้อยเปรียบได้กับเขาโค
ส่วนอบายภูมิมีเพียง 4 ที่ แต่สัตว์โลกกลับพากันไปเกิดมากดุจขนโค (เหตุที่ประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นทุกปี เพราะยุคนี้พวกอบายภูมิที่ชดใช้กรรมสาสมแล้วได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มาก จึงเป็นการเพิ่มปริมาณ ส่วนคุณธรรมลดลง) ปัจจัยที่ทำให้คนตายแล้วไปเกิดในสุคติภูมิหรืออบายภูมิมีอะไรบ้าง
พระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อเวลาจะสิ้นใจตาย หากจิตเศร้าหมองย่อมนำพาไปเกิดในอบายภูมิ (จิตเต อสังกิลิฏเฐทุคคติ ปาฏิกังขา) เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลาจะสิ้นใจตายจึงเป็นวินาทีที่ตัดสินว่า ผู้ตายจะไปเกิด ณ ภพภูมิใด
พระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อเวลาขณะจะสิ้นใจตาย จิตของบุคคลจะยึดอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งใน 3 อย่างนี้
1. เห็นกรรมที่ตนได้ทำไว้ปรากฏขึ้นมา หากเป็นกรรมฝ่ายกุศล เช่น เห็นตนกำลังทำบุญ ใส่บาตร สวดมนต์ นั่งสมาธิ ช่วยเหลือผู้อื่น หรือกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นคุณงามความดี ภาพดังกล่าวที่ปรากฏจะช่วยให้ผู้ตายมีจิตที่อิ่มเอิบเบิกบาน หรือจิตมีความผ่องใส นำพาชีวิตให้ไปเกิดในสุคติภูมิ
แต่หากเห็นกรรมที่เป็นบาปอกุศลที่ตนเคยทำไว้ เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหกผู้อื่น ดื่มสุรา เสพสิ่งเสพติดให้โทษ เล่นการพนัน หรือภาพของกรรมที่เป็นบาปอกุศลผุดขึ้นมา จะทำให้จิตตกหรือจิตเศร้าหมอง ซึ่งจะนำพาชีวิตไปเกิดในอบายภูมิ
2. เห็นอุปกรณ์ประกอบการกระทำ (กรรมนิมิต) หากเป็นอุปกรณ์ประกอบกรรมที่เป็นฝ่ายกุศล ได้แก่ เห็นเป็นดอกไม้ ธูป เทียน บาตร จีวร ที่เคยนำไปทำบุญถวายพระ หรือเห็นเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม สมุด ดินสอ เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องครัวเรือนที่เคยบริจาคช่วยผู้ประสบภัยพิบัติ หรืออื่นๆ ที่เป็นการประกอบบุญกุศล ภาพดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นจิตให้มีพลัง มีความอิ่มเอิบเบิกบาน อันจะนำพาไปเกิดในสุคติภูมิ
แต่หากเห็นเป็นอาวุธ เครื่องประหารคน สัตว์ เครื่องมือดักสัตว์ เหล้า บุหรี่ อุปกรณ์ที่ใช้เล่นการพนัน หรืออื่นๆ อันเป็นฝ่ายอกุศล จะพาให้จิตตกหรือจิตเศร้าหมอง นำพาไปเกิดในอบายภูมิ
3. เห็นเป็นสื่อที่จะนำพาไปเกิดในภพต่อไป (คตินิมิต) สื่อนั้นอาจเป็นภาพ เสียง กลิ่น สี ก็ได้ หากเป็นฝ่ายกุศล ได้แก่ เห็นเป็นวิมานสวยงามมารับ ได้ยินเสียงดนตรีไพเราะจับใจ ได้กลิ่นหอมยิ่งกว่าดอกไม้ใดๆ ในโลก ซึ่งเป็นของทิพย์ ก็จะนำพาไปเกิดบนสวรรค์
แต่ถ้าสื่อนั้นเป็นฝ่ายอกุศล เช่น เห็นเป็นเลือด เป็นอุโมงค์ที่มืดทึบ เป็นที่อับชื้น เห็นความร้อนเผาไหม้ อันจะพาให้จิตหวาดหวั่น ภพต่อไปก็คือนรก หรือเห็นเป็นป่ารกชัฏ เป็นแม่น้ำ ทะเล เป็นต้น จะเป็นการจูงจิตให้ไปเกิดเป็นสัตว์ป่า หรือเป็นสัตว์น้ำ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนจะขาดใจตายจึงเป็นตอนที่สำคัญมาก เพราะเป็นช่วงตัดสินว่าจะไปเกิด ณ ภพใด ถามว่าเวลาจะสิ้นใจตาย มีใครสามารถตั้งโปรแกรมจิตของตนได้ว่า ขอให้คิดถึงแต่สิ่งที่เป็นกุศล เพื่อให้จิตผ่องใส
ธรรมชาติของคนที่ใกล้จะตายนั้น หากป่วยเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ จิตจะเกาะเกี่ยวอยู่กับความเจ็บปวด หรือความหดหู่ซึมเซาเศร้าหมอง แม้ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง แต่รู้ว่าตัวกำลังจะตาย จิตก็จะมีความว้าวุ่น สับสน หวาดหวั่นพรั่นพรึง เพราะไม่รู้อนาคตของตน บางคนก็ห่วงทรัพย์สมบัติ ห่วงบุคคลที่สัมพันธ์กันใกล้ชิด บ้างก็โกรธ ผูกใจเคียดแค้นชิงชังต่อผู้ใดผู้หนึ่ง หรือหากมีความคิดใดเกิดขึ้นก็อาจจะเป็นเรื่องอกุศล เช่น คิดถึงกรรมอันเป็นอกุศลที่ตนเคยทำไว้ เหล่านี้ล้วนทำให้จิตเศร้าหมองทั้งสิ้น โอกาสไปเกิดในอบายภูมิจึงมีสูงมาก สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า ที่ไปเกิดในอบายภูมิเปรียบดังขนโค
ทำอย่างไรจึงจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือเกิดบนสวรรค์อันมีแต่ความสุข หรือเกิดบนพรหมโลกที่มีแต่ความสงบและมีอายุแสนยาวนาน
หนทางมีอยู่ และไม่ยากเกินกว่าที่จะทำให้สำเร็จ วิธีปฏิบัติจะทำออย่างไรนั้นคงต้องอ่านในฉบับหน้า เพราะเนื้อที่ที่จะนำเสนอหมดเพียงนี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น