วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พระพุทธเจ้า 1/2

พระพุทธเจ้า 1/2

    ที่อุบัติขึ้นมาในโลกมนุษย์ใบหนึ่ง... ที่มีทั้งโลกในอดีต... และโลกปัจจุบัน... มีทั้งหมด ๒๘ พระองค์ และมีพระพุทธเจ้า... องค์ปัจจุบันคือ พระโคตมะ... ส่วนพระพุทธเจ้าองค์ที่จะอุบัติมาเกิดในโลกมนุษย์... ในอนาคตคือ... พระศรีอาริยเมตไตรย... หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒๙ นั่นเอง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทั้งในอดีต... และปัจจุบันรวมทั้งที่จะอุบัติขึ้นมาในอนาคต... พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างก็ตรัสรู้ในกฎเดียวกัน... คือกฎความจริงของโลกและชีวิต... หรือกฎของอริยสัจหรืออริยสัจ ๔ หมายถึง... พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์เท่านั้น... อริยสัจ ๔ ประกอบด้วยความจริง ๔ อย่าง ดังนี้... ๑. ทุกข์ = ทุกข์ ๒. สมุทัย = เหตุของทุกข์ ๓. นิโรธ = ความดับทุกข์ ๔. มรรค = หนทางแห่งการดับทุกข์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นสพพัญญู (ผู้รู้)... และเป็นโลกวิทูคือ ทรงรู้จริง... รู้แจ้ง... ของโลกและชีวิตทั้งโลกภายในและโลกภายนอก หมายถึง รู้แจ้งสภาวะแห่งโลก... รวมทั้งรู้เรื่องในสังขาร... ทั้งหลายและอัธยาศัยสันดานของสัตว์โลก... ที่เป็นไปต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย... หลังจากพระพุทธเจ้าโคตมะ... ตรัสรู้ได้เป็น... พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ... ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ที่เราเรียกว่า วันวิสาขบูชา จากนั้นพระพุทธเจ้าได้นำเอาคำสอน... ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาสอนคน... ให้มีดวงตาเห็นธรรมให้ดับทุกข์ได้... ซึ่งมีทั้งคนธรรมดาทั่วไปและมีทั้ง... เจ้าฟ้า... เจ้าแผ่นดินมากมาย ในสมัยของพระพุทธเจ้ามีคนได้ฟังธรรมจาก... พระพุทธเจ้าแล้วสามารถบรรลุธรรมได้มากมาย และมีการบรรลุธรรมกันอย่างง่ายๆ ไม่เหมือนสมัยนี้ เช่น พระพุทธเจ้าแสดงธรรมครั้งแรกหลังจากบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้วคือ...การแสดงธรรมให้กับ ปัญจวัคคีย์ ทั้ง ๕ คือ ธรรมจักรกับปวัตนสูตร อันเป็นปฐมเทศนาธรรมดังนี้ พระพุทธเจ้าทรงชี้ทางที่ผิดให้ปัญจวัคคีย์ หรือนักบวชว่าไม่ควรประพฤติปฏิบัติอยู่ ๒ ทางคือ... ๑. การประกอบตนให้พันพัวด้วยสุขในกาม คือ ความอยากในกามใคร่ และความอยากในกามวัตถุ ๒. การประกอบทรมานตนให้ลำบากเปล่า จากนั้นพระพุทธเจ้าก็แสดงธรรมที่บรรพชิตควรปฏิบัติ คือ ทางสายกลางเรียกว่า... มัชฌิมาปฏิปทา หรืออริยมรรคประกอบด้วยด้วยมีองค์ ๘ เป็นทางที่จะนำไปสู่ปัญญามีความรู้ยิ่งและเพื่อความดับทุกข์ ให้รู้แจ้งในอริยสัจ ๔ ประการ คือ ทุกข์กับการดับทุกข์ เมื่อจบพระธรรมเทศนา โกณฑัญญะ ได้มีดวงตาเห็นธรรม ถึงกับร้องอุทานออกมาว่า... รู้แล้ว... รู้แล้ว... รู้แล้ว... พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า... โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ... โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ... หมายความว่าโกณฑัญญะได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านี้ก็สามารถบรรลุเป็นอริยะบุคคล คือ ได้เป็นโสดาบันบุคคลนั่นเอง หลังจากโกณฑัญญะได้มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว จึงขอบวชเป็นพระสาวกองค์แรก ของพระพุทธเจ้า ต่อมา... วัปปะ... ภัททิยะ... มหานามาะ... อัสสชิ... ได้มีดวงตาเห็นธรรมตามลำดับก็ขอบวชเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์ หลังจากปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ได้บวชแล้ว พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมอนันตลักขณสูตรให้ฟังต่อ คือ ให้รู้จักขันธ์ ๕ คือ... รูป... เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ... ว่ามันไม่ใช่ของเรา ถ้ามันเป็นของเราจริงเราก็สามารถบังคับมันได้หรือสั่งมันได้ จากนั้นพระพุทธเจ้าก็ตรัสถาม... แล้วให้ปัญจวัคคีย์ตอบว่าดังนี้... ขันธ์ ๕ มีรูป (ร่างกาย) แล้วรูปเป็นของเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง = ตอบ ไม่เที่ยง ขันธ์ ๕ มีเวทนา (ความรู้สึก) แล้วเวทนาเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง = ตอบ ไม่เที่ยง ขันธ์ ๕ มีสัญญา (ความจำ) แล้วสัญญาเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง = ตอบ ไม่เที่ยง ขันธ์ ๕ มีสังขาร (ความคิด) สังขารเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง = ตอบ ไม่เที่ยง ขันธ์ ๕ มีวิญญาณ (ความรู้) วิญญาณเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง = ตอบ ไม่เที่ยง แล้วสิ่งที่ไม่เที่ยงเหล่านั้นเป็นทุกข์ หรือ เป็นสุข = ตอบ เป็นทุกข์ แล้วสิ่งใดที่ไม่เที่ยงเหล่านั้นมีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือไม่ควรที่จะตามยึดมั่นว่านั้นเป็นของเรา = ตอบ ไม่ควร จากนั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสสรุปว่า... เมื่อเราเห็นด้วยปัญญาอันชอบว่า... รูป... เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ... และการกระทบสัมผัสทางตา... หู... จมูก... ลิ้น... กาย... ใจ... หรือ... พิจารณาภาวนาขันธ์ ๕... และอินทรีย์ ๖... เป็นของไม่เที่ยง... มีเกิด... มีดับ...เป็นธรรมดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น