วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

พระมหากัสสปะ สถิต ณ เขาตีนไก่

พระมหากัสสปะ สถิต ณ เขาตีนไก่

"พระมหากาศยปะ (พระมหากัสสปะเถระ) ได้เข้านิโรธสมาบัติ ณยูนนาน ที่นั่นมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ชื่อว่า จีจู๋ซาน (เขาตีนไก่) เพราะมีรูปร่างคล้ายกับตีนไก่ พระมหากาศยปะได้เข้านิโรธสมาบัติ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อรอให้พระอนาคตพุทธะ คือพระศรีอารยะเมตตไตรยได้ลงมาโปรดสัตว์โลก เมื่อถึงเวลานั้น พระอรหันต์จะได้ถวายจีวรและบาตรของพระศากยมนีพุทธเจ้า แก่พระศรีอารยะเมตไตรย ด้วยเหตุนี้ มณฑลยูนนานจึงเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนา ใครที่ไปเยือนภูเขาจีจู๋ซาน จะรู้ว่าทุกๆ ปีจะมีปรากฎการณ์มหัศจรรย์ของแสง คือแสงทอง แสงเงิน และแสงพุทธรัศมี ปรากฏขึ้น ณ สถานที่แห่งนั้นอยู่บ่อยๆ จีจู๋ซานจึงเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์" พระตรีปิฏกาจารย์ ซวนฮว่า กล่าวเรื่องนี้ไว้ในอรรถาธิบายพระพุทธาวตังสกะมหาไวปุลยสูตร นอกจากนี้ท่านยังแนะนำไว้ในอรรถาธิบายสัทธรรมปุณฑรีกะสูตรว่า หากผู้ใดมีใจศรัทธาแน่วแน่ เดินทางไปภูเขาจีจู๋ซาน เพื่อสักการะพระมหากัสสปะเถระ บางทีท่านอาจปรากฏกายให้เห็นก็เป็นได้ ไม่เพียงเท่านั้น ในอรรถาธิบายอมิตาภะสูตร ท่านยังเสริมว่า เมื่อพระอรหันต์ได้ถวายเครื่องบริขารแก่พระเมตไตรย (ซึ่งแต่เดิมนั้นท้าวจตุโลกบาลได้ถวายแก่พระศากยมนีพุทธเจ้า) แล้ว ก็นับว่าเสร็จกิจพระอรหันต์แล้ว หากในระหว่างนี้ ผู้ใดซึ่งมีศรัทธามั่นคงเดินทางไปยังเขาจีจู๋ซานหากไม่เห็นแสงอัศจรรย์ ก็มักได้ยินเสียงระฆังแว่วมาจากภูเขา แต่ไม่ทราบว่ามาจากแห่งหนใด และแม้นจะเดินทางออกห่างจากเทือกเขาไกลหลายร้อยลี้แล้วก็ยังอาจได้ยินเสียงทิพย์อยู่ คัมภีร์สาวกนิพพาน พรรณนาว่า เมื่อพระมหากัสสปะเถระจะนิพพาน ท่านได้พาหมู่ภิกษุไปยังภูเขากุกกุฏสัมปาตบรรพต แสดงอิทธิปาฏิหาริยิ์ และให้โอวาทแก่พุทธบริษัทแล้ว อธิษฐานจิตขอให้ภูเขาทั้ง 3 ลูกมารวมเป็นลูกเดียวกัน แล้วท่านก็ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน ณ ที่นั้นท่านยังอธิษฐาน ขอให้สรีระของท่านยังคงสภาพเดิมไม่สูญสลาย จนกระทั่งพระศาสนาพระศรีอริยเมตไตร ซึ่งพระองค์จะพาหมู่ภิกษุสงฆ์มายังภูเขากุกกุฏสัมปาตบรรพตแล้ว ยกสรีระของพระเถระวางบนพระหัตถ์ขวาชูขึ้นประกาศสรรเสริญคุณของพระเถระแล้ว เตโชธาตุก็จะเกิดขึ้นเผาสรีระของท่านบนฝ่าพระหัตถ์ของพระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้านั้น อนึ่ง คำว่า "กุกกุฏสัมปาตบรรพต" ก็แปลว่า "ภูเขาตีนไก่" นั่นเอง (คติเรื่องพระมหากัสสปนิพพานมีอยู่ในแถบแผ่นดินใหญ่อุษาคเณย์หลายประเทศ ยูนนานก็นับเป็นส่วนหนึ่งของอุษาคเณยืเช่นกัน ฝ่ายพม่าก็ว่าท่านเข้านิพพานที่นั่น อยู่ที่ถ้ำพระมหากัสสปะ ใกล้เมืองโมนโยว ส่วนพระเถระในไทยเล่าว่าเคยเห็นสถานที่นิพพานของท่านอยู่แถวหิมาลัย ซึ่งเข้าเค้าว่าจะเป็นยูนนาน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของภาคพื้นหิมาลัย) ภาพอารามเหนือภูเขาจีจู๋ซาน มณฑลยูนนาน จาก - dp.pconline.com.cn ความคิดเห็น........ คำกล่าวของหลวงพ่อก็ตรงกับตำนานทางจีน ท่านว่าพระมหากัสสปะมาประกาศศาสนาที่ทางตอนใต้ของจีนก่อน ตอนนั้นตอนใต้ของจีนเป้นดินแดนเอกเทศ ครอบคลุมตั้งแต่ยูนนานลงมาจนถึงภาคเหนือของไทยปัจจุบัน ครั้นท่านมาถึงได้ปราบยักษ์ท้องถิ่น เรื่องปราบยักษ์ทำให้ผมถึงขึ้นได้ว่า เมืองเชียงรุ้งมีอีกชื่อว่าเมืองอาฬวี คล้ายกับเรื่องพระพุทธเจ้าปราบอาฬวกะยักษ์อยู่กลายๆ นะครับ ความคืดเห็น..... เท่สที่จำได้ มีพระเถระไทยที่กล่าวถึง เขาตีนไก่ สามฃรูป 1.หลวงปู่อุตตมะ ไปมาองค์แรก จากนั้นธุดงค์ไปพบ หลวงปุ่แหวนที่ พระยาท รังรุ้ง แล้งบอกกล่าว 2.หลวงปู่แหวน ธุดงค์ไปตามคำบอกหลวงปู่อุตตมะ และประสบอุบัติเหตุพลัดตกเขา รอดมาได้ 3.หลวงพ่อพระราชพรหมยาน กล่าวว่า ในช่วงกึ่งพุทธกาลเกิดแผ่นดินไหว แผ่นหินผาที่ปกปิดสรีระธาตุ เปิดออก คนเข้าไปถ่ายรูปมา ท่านยืนยันว่าใช่ ความคิดเห็น.... เหตุที่ท่านไม่อาจ สลายสังขาร ได้เพราะ บุพกรรมที่พระศรีอาริย์เมตตรัย กระทำต่อท่าน คราเมื่อ ท่านเสวยชาติเป็นช้าง พระศรีอาริย์เมตตรัย เป็นควาญช้าง พระราชา สั่งให้ควาญช้าง ขับเคี่ยวขี่แข่งช้างกัน ควาญที่เป็นพระเมตตรัย ออกอุบาย จุดไฟเผาห้างช้างพระกัสสปะ ช้างร้อน ไม่รับทุกขเวทนา จึงวิ่งรวมเร็งเข้าเส้นชัย ภายหลัง ช้างทนผิดบาดแผลไม่ไหว จึงล้มลง ด้วยผลของกรรมนั้น ในชาติสุดท้าย พระเมตตรัยยะ จะต้อง ถวายเพลิงสังขารพระมหาเถระบนฝ่าพระหัตถ์ ด้วยฤทธิ์แห่งเตโชธาตุ อันธรรม เตโช อันเกิดจากฤทธิ์ จะปราถนาให้ร้อนย่อมได้ ย่อมก็ย่อมได้ แต่เตโชธาตุนี้คือ ฤทธิ์ของเศษกรรม ที่พระเมตตรัยต้องเสวย จึงไม่อาจทำให้เย็นได้ สุดท้ายพระเมตตรัย จะกล่าวสรรเสริญคุณแห่งพระสาวก แล ครั้งนั้นแล เป็นเหตุแห่งการปริพพานขงพระองค์ ความคิดเห็น..... ผมอ่านจากประวัติหลวงปู่สิม พุทธจาโร เมื่อพ.ศ.2538 ขอเล่าจากความจำนะครับ หลวงปู่สิมก็เคยไปเยี่ยมชมถ้ำแห่งนี้โดยทางญาณวิถี (แต่หลวงปู่ไม่บอกว่าอยู่ที่ใด) พระมหากัสสปะได้อธิษฐานให้ปากถ้ำปิดเข้าหากัน เพื่อรอพระศรีอาริย์มาเผาร่างให้ เผาบนฝ่ามือของพระศรีอาริย์ เพื่อเป็นการชดใช้วิบากกรรม (เพราะพระมหากัสสปะเข้านิพพานก่อนพระศรีอาริย์ จึงต้องจัดแจงเรื่องไว้เช่นนี้) แต่บุพกรรมนั้นต่างจากที่คุณ Ket เล่าเอาไว้ด้านบน // บุพกรรมที่ผมอ่านมาเป็นดังนี้ พระมหากัสสปะเป็นช้าง พระศรีอาริย์เป็นพระราชา ช้างนั้นตกมันเพราะหลงช้างตัวเมีย สะบัดพระราชาหล่นจากหลังช้าง พระราชาจึงลงโทษช้างด้วยการใช้เหล็กแดงนาบงวงช้างจนตาย ความคิดเห็น...... มหากัสสปเถรประวัติ (ประวัติท่านพระมหากัสสปะเถรเจ้า ผู้เลิศด้วยธุดงคคุณ) : http://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-mahakassapa.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น