นกที่บินหลงทาง .....
ที่ภูเขาต้าเยี่ยน มีพระรูปหนึ่งปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่น ท่านเป็นพระที่เทศน์เก่งมาก ท่านมักจะใช้สิ่งที่มีชีวิตรอบตัวสอดแทรกธรรมะ จากนั้นก็ใช้คำง่ายๆแต่งเป็นโศลก
มีอยู่ครั้งหนึ่ง อุบาสกท่านหนึ่งถามท่านว่า “มีคนพูดกันว่า การบูชาใดๆต่อพระพุทธเจ้าทั้งปวงในสากลโลก ก็ไม่เท่ากับการบูชาต่อผู้ที่ดำเนินตามทางแห่งมรรคเพียงคนเดียว ไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเป็นอย่างไร? คนเดินตามทางเดินแห่งมรรคมีบุญกุศลใด”
พระรูปนั้นพูดเป็นโศลกว่า “เพียงแค่มีเมฆหมอกมาบดบัง นกก็ยังหลงทางบินกลับรัง”
... เป็นเพราะว่ามีเมฆหมอกมาปิดทางกลับรังของนก นกจึงหาทางกลับรังไม่ถูก ถ้าเรามัวแต่บูชาพระพุทธองค์ จิตย่อมจดจ่อและยึดติดอยู่กับองค์พระ ทำให้ตัวเองกลับเดินหลงทาง ผู้ที่เดินตามทางแห่งมรรคย่อมทำให้จิตตัวเองสะอาด และสว่างกลับมารู้จักตัวเอง จิตจึงไม่หลงทาง
อุบาสกคนนั้นถามต่อว่า
“โบสถ์วิหารเป็นดินแดนแห่งความสงบและสะอาด ทำไมถึงต้องตีกลองและเคาะปลาไม้”
“โบสถ์วิหารเป็นดินแดนแห่งความสงบและสะอาด ทำไมถึงต้องตีกลองและเคาะปลาไม้”
พระรูปนั้นตอบเป็นโศลกว่า “เพื่อตีให้เสียงก้องกังวานไป เพื่อมิให้เหล่ามังกรนั่งคำนับ”
... วัดที่เงียบสงบต้องตีกลองและเคาะปลาไม้ มีความหมายที่ลึกซึ้งแฝงอยู่ในนั้น ธรรมดาปลาอยู่ในน้ำ ไม่เคยปิดตา ดังนั้นการเคาะปลาไม้ จึงเป็นการแสดงถึงความขยันฝึกฝน ไม่เกียจคร้าน การตีกลองก็เพื่อย้ำเตือนให้ผู้คน เลิกทำบาป และสร้างกุศล
อุบาสกท่านนั้นถามต่ออีกว่า “เมื่อปฏิบัติธรรมอยู่กับบ้านก็ได้ ทำไมถึงต้องออกบวชอีก”
พระรูปนั้นตอบเป็นโศลกว่า “นกยูงแม้จะมีปีกที่สวยงาม แต่ก็บินได้ไม่สูงเฉกเช่นนกอื่น”
___________
ที่มา : ZEN
___________
ที่มา : ZEN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น