วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

แปลกจริงแปลกใจ หลานชายกลับได้แต่งกับย่า



แปลกจริงแปลกใจ หลานชายกลับได้แต่งกับย่า
ในสมัยพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ มีพระเถระรูปหนึ่งชื่อว่า จื้อกง สำเร็จทิพยจักษุและฉฬภิญญา แทงทะลุในเหตุและผลกรรมได้อย่างแจ่มแจ้ง ครั้งหนึ่งมีคหบดีนิมนต์ท่านไปสวดพุทธมนต์ในงานวิวาห์ แต่ครั้นท่านมาถึงบ้านที่จัดงาน กลับทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า
แปลกจริงแปลกใจ หลานชายกลับได้แต่งกับย่า
ลูกสาวกินเนื้อมารดา หนังบิดาถูกลูกชายขึงตีกลอง
หมูแพะนั่งเคียงบนเตียงใหญ่ หม้อไฟตุ๋นญาติหกรุ่นไว้ทั้งผอง
ผู้คนร่วมยินดีอย่างเนืองนอง ข้าแลเห็นทุกข์หมองเต็มประดา
ถ้อยคำนี้หมายความว่าอย่างไร? ที่ว่าหลานชายแต่งงานกับย่าตัวเอง เราเห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดหรือไม่? ที่จริงแล้วก่อนที่ย่าจะสิ้นใจ ตอนนั้นเจ้าบ่าวยังเป็นทารกน้อย นางขอหลานมาอุ้มไว้ไม่อยากจะปล่อยเขาจากอ้อมกอด แล้วบอกว่า "พวกเจ้าล้วนมีครอบครัวเป็นตัวตน แต่หลานต้วน้อยของข้าไม่มีใครคอยดูแลเขาเลย อนิจจาเอ๋ย จะทำอย่างไรดี?" ว่าแล้วนางก็ขาดใจตายไป
เมื่อดวงวิญญาณไปถึงยมโลก พญายมมีโองการว่า "ดีล่ะ ในเมื่อรักหลานของเจ้านัก ก็จงกลับไปเกิดเป็นเมียคอยดูแลเขาแล้วกัน" ว่าแล้วผู้เป็นย่าก็เกิดใหม่กลายเป็นว่าที่ฮูหยินของหลานชาย จะเห็นได้ว่ากฎแห่งกรรมช่างน่าสะพรึงกลัวเสียนี่กระไร
ที่ว่า "ลูกสาวกินเนื้อมารดา" ที่ด้านนอกของบ้าน หญิงสาวคนหนึ่งกำลังกินเนื้อแพะอย่างเอร็ดอร่อย หารู้ไม่ว่าแพะตัวนั้นเคยเป็นแม่ของเธอในชาติก่อน ที่ว่า "หนังบิดาถูกลูกชายขึงตีกลอง" พระเถระมองเห็นพวกมโหรีปี่พาทย์กำลังเป่าปี่ตีกลองน่าตื่นเต้นยิ่ง มีหนุ่มคนหนึ่งกำลังรัวกลองหนังลาอย่างเมามัน หารู้ไม่ว่าลาเจ้าของหนังหน้ากลองเคยเป็นพ่อของเขาในชาติก่อน
พระเถระจื้อกงมองเห็นผู้คนนั่งอยู่บนเตียงรับรอง จึงกล่าวว่า "หมูแพะนั่งเคียงบนเตียงใหญ่" แล้วมองไปที่หม้อไฟกล่าวว่า "หม้อไฟตุ๋นญาติหกรุ่นไว้ทั้งผอง" ตอนนี้พวกหมูกับแพะที่เคยถูกเขาฆ่าเอาเนื้อ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วกลับมานั่งกินมนุษย์ที่เกิดเป็นสัตว์ซึ่งเคยฆ่าพวกเขามาก่อน พวกเครือญาติทั้ง 6 ชั้นที่เคยกินเนื้อหมูเนื้อแพะตอนนี้ต้องมาถูกสับเป็นชิ้นๆ แล้วตุ๋นในหม้อไฟ ชำระวิบากกรมที่ทำไว้
"ผู้คนร่วมยินดีอย่างเนืองนอง ข้าแลเห็นทุกข์หมองเต็มประดา" ทุกคนล้วนคิดว่าเป็นงานเฉลิมฉลองสุขสันต์ แต่พระเถระจื้อกงกลับทอดถอนใจ กล่าวว่า "นี่ช่างทุกข์มหันต์ยิ่งนัก ผู้คนเห็นผิดคิดว่าทุกข์เป็นสุข!"
*จากธรรมเทศนาของพระอาจารย์เซวียนฮว่า เรื่อง "รู้เหตุย่อมซึ้งถึงผล"
*เชิงอรรถ
1. พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ (梁武帝) หรือ เซียวเหยี่ยน แห่งราชวงศ์เหลียง (คร. 502–549) ทรงเป็นฮ่องเต้ที่มีศรัทธาปสาทะในพระบวรพุทธศาสนามากที่สุดองค์หนึ่งของจีน ทรงรับศีลอุบาสกตลอดพระชนม์ชีพ มีพระบรมราชโองการสั่งห้ามการทำปาณาติบาต เข่นฆ่าชีวิตสัตว์สังเวยบรรพชน และยกเว้นโทษประหารชีวิต จนได้รับการถวายพระนามเป็น "ฮ่องเต้โพธิสัตว์"
2. พระเถระจื้อกง (誌公) หรือ พระฌานาจารย์เป่าจื้อ (寶誌禪師) พระเถระองค์สำคัญในยุคหนานเป่ย มีพฤติกรรมแปลกประหลาดพิสดาร ไว้ผมยาว ไม่ค่อยกินนอน เดินเตร่เท้าเปล่าไปตามท้องถนน ชอบทำนายทายทักผู้คน ฮ่องเต้ฉีอู่ตี้เห็นว่าท่านอาจมอมเมาผู้คน จึงทรงสั่งให้คุมขังไว้ แต่ในวันรุ่งขึ้นกลับมีคนเห็นท่านเดินเตร่อยู่ตามท้องถนนอีก จนฮ่องเต้ต้องยอมนิมนต์ท่านเข้ามาในวัง ครั้นถึงรัชสมัยพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ จึงมีบัญชาว่า พระอาจารย์เป็นโลกตุรบุคคล อยู่เหนือกฎเกณฑ์โลกียะทั้งปวง ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ และห้ามผู้ใดขัดขวางจริยาของท่าน
3. เตียง (炕) ในที่นี้หมายถึงเตียงใหญ่สำหรับนั่งเอกเขนก หรือสำหรับนอน ในภาคเหนือของจีนจะเจาะช่องสุมไฟไว้ให้ความอบอุ่น สามารถใช้เป็นที่นั่ง ที่นอน ที่ทำกิจกรรมได้สารพัด
4. ญาติหกรุ่น หรือญาติทั้งหก (六親) คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง เมีย ลูก
5. ภาพประกอบวาดโดย ไต้ตุนปาง (戴敦邦) จิตรกรจีนร่วมสมัย ผู้เก่งกาจในการวาดภาพประกอบจากวรรณคดีโบราณ ภาพนี้คาดว่ามาจากเรื่องความฝันในหอแดง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น