$$. การพิจารณาไตรลักษณ์
กฎของไตรลักษณ์ เป็นกฎความเป็นไปแห่งธรรมชาติ มีอยู่ ๓
อย่างคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
"อนิจจัง" คือความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมนามธรรม เช่นเมื่อยังไม่เกิดก็เกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดแล้วก็แปรเปลี่ยนไปได้เช่นอยู่ดีๆก็มีเรื่องราวที่ทำให้กลุ้มใจเกิดขึ้น ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเลยหรือเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็แปรเปลี่ยนไปหรือดับไป สิ่งของทุกอย่างเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วจะคงสภาพเดิมอยู่นานๆไม่ได้ ต้องแปรเปลี่ยนไป เรียกว่าไม่เที่ยง คืออนิจจัง เช่นจิตเป็นสมาธิ นานไปจิตก็เสื่อมจากสมาธิ เรียกว่าความสงบนั้นไม่เที่ยงเป็นอนิจจัง เมื่อทราบแล้วก็ปล่อยวางมันเสีย มันเป็นเช่นนี้เอง อย่าไปสงสัยมัน
"ทุกขัง" คนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่าเป็นอารมณ์แห่งความทุกข์ แต่ไม่ใช่ ทุกขังคือความแตกสลายไป หรือดับไป เช่นแก้ว นานๆไปแก้วนั้นก็เปลี่ยนไปคืออนิจจัง เอาเวลามาจับ เมื่อเปลี่ยนไปจากแก้วเป็นแก้วแตก แก้วแตกเป็นทุกขัง คือแก้วแตกสลายไป ความสุข ความทุกข์ เกิดกับเราแล้ว ไม่นานมันก็ดับไป เพราะมันแตกสลายไปคือทุกขัง เรียกความสุขหรือความทุกข์เหล่านั้นว่า มันทุกขัง เวทนาทุกเวทนา ในที่สุดก็รวมลงไปที่ทุกขังคือแตกสลายไปทั้งนั้น ไม่คงเวทนาเดิมไว้เลย
ดังนั้นทุกขังก็คือการแตกสลายไปหรือดับไปจากสภาพเดิมของมัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมลงไปหาทุกขังหมด ไม่มีอะไรจะไม่ทุกขัง ถ้าเกิดก็คือตัวสมุทัย เหตุแห่งทุกขังนั่นเอง ทราบแล้วไม่เบื่อหน่ายหรือทุกขัง อะไรๆก็ทุกขังหมด
อยากเกิดอยู่อีกหรือ เกิดเมื่อใดทุกขังเมื่อนั้น เห็นแล้วก็ปล่อยวางมันเสีย
"อนัตตา"
หมายถึง สิ่งที่ไม่มีตัวตนที่แน่นอน คือไม่มีอัตตา เช่นแก้วเป็นอัตตา แก้วแตกเพราะเกิดจากอนิจจัง ทุกขัง เหลือแต่เศษแก้ว ในที่สุดก็กลายเป็นธาตุดินไป ไม่เหลือแก้วหรืออัตตาให้เห็นเลยเราจึงเรียกว่าอนัตตา อีกตัวอย่างหนึ่ง คนเราเป็นอัตตา แก่ตัวเป็นอนิจจัง ตายไปเอาไปเผาแตกสลายเป็นทุกขัง แล้วก็ไม่เหลือคำว่าเป็นคนอยู่อีกเลยเรียกว่าอนัตตา นามธรรมก็เช่นเดียวกัน เมื่อรูปธรรมและนามธรรม เกิดขึ้นย่อมมีความเป็นอนิจจังตามมาแล้วทุกขัง เหลือแต่สภาพเดิมๆของมันคือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ไม่เหลือกลุ่มก้อนเดิมที่จะให้สมมุติเป็นนั่นเป็นนี่เหลือให้เห็นอยู่อีกเลย จึงเรียกว่าอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ของของเรา (เนตังมะมะ) ไม่ใช่เรา(เนโสมหมัสมิ) ไม่ใช่ตัวตนของเรา (นเมโสอัตตา)
อนัตตาเป็นสิ่งที่ห้ามได้ยาก ไม่อยู่ใต้อำนาจของเรา เพราะมันจะก่อตัวจับกันเป็นอะไรก็ได้ แตกสลายก็ได้ เพราะมันเป็นธรรมธาตุทั้ง ๔
เป็นสิ่งที่มีอยู่แต่ไม่รู้ความหมายในตัวของมันเอง ธรรมธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ไห ลม มันไม่รู้ความหมายในตัวของมันเอง เมื่อมันมารวมกันเป็น ต้นไม้ สิ่งของต่างๆ แขน ขา รูป เสียง กลิ่น รส อารมณ์ต่างๆ ความร้อนความหนาว สิ่งเหล่านี้มันก็ไม่รู้ความหมายของมันเอง เป็นอนัตตา ถามมันดูซิ มันรู้ความหมายในตัวของมันไหม มันเป็นของของเราไหม เป็นตัวเราไหม เป็นตัวตนของเราไหม เวลามันจะเปลี่ยนเราห้ามมันได้ไหม นั่นแหละคืออนัตตา ทราบแล้วก็ปล่อยวางมันเสีย มันเป็นของที่เกิดมาประจำโลกอยู่แล้ว ไม่เป็นของของใคร ไม่มีเจ้าของ อารมณ์โลภ อารมณ์โกรธ อารมณ์หลง ก็มีประจำโลกอยู่แล้ว เราพึ่งเกิดมาเจอมันไม่กี่ปีกี่เดือนนี้เอง อย่าเชยนักซิ
ปล่อยวางให้อยู่ประจำโลกมันเสีย
อนัตตา คือธรรมะ ธรรมะ คือธรรมชาติล้วนๆ เป็นธรรม เมื่อมีผู้มาสมมติสิ่งในธรรมชาติขึ้นมาเพื่อจดจำเพื่อให้จำได้สิ่งเหล่านี้เลยกลายเป็นอัตตาตัวตนไป จึงกลายเป็นโลก ดังนั้นโลกคือธรรมที่ถูกสมมติ
ขึ้น แล้วหลงจึงเกิดตัณหาตามมา
.....ขออวยพร......